คำสั่งเกี่ยวกับการจัดการไฟล์
1.คำสั่ง ls แสดงรายชื่อแฟ้มในห้องปัจจุบัน หรือห้องอื่น ๆ ที่ต้องการ
2.คำสั่ง cd คำสั่งเกี่ยวกับ Directory หรือ Folder เพื่อสร้าง หรือลบ
3.คำสั่ง pwd แสดง directory ที่เราอยู่ปัจจุบัน
4.คำสั่ง fileใช้ค้นหาไฟล์ที่ต้องการ
5.คำสั่ง mvใช้ move หรือเปลี่ยนชื่อไฟล์
6.คำสั่ง mkdir คำสั่งเกี่ยวกับ Directory หรือ Folder เพื่อสร้าง หรือลบ
7.คำสั่ง rmใช้ลบไฟล์หรือ directory โดยที่ยังมีข้อมูลภายในเทียบเท่า del และ deltree ของ dos
8.คำสั่ง rmdir คำสั่งเกี่ยวกับ Directory หรือ Folder เพื่อสร้าง หรือลบ
9.คำสั่ง chown ใช้เปลี่ยนผู้เป็นเจ้าของไฟล์
10.คำสั่ง chgrp ใช้เปลี่ยนกลุ่มผู้เป็นเจ้าของไฟล์
คำสั่งเกี่ยวกับการจัดการโปรเซส
1. ps : : : แสดง process ที่กำลังทำงานอยู่ทั้งของเครื่อง และตนเอง
2.kill : : : ยกเลิก process ที่ทำงานอยู่
3fg เป็นทางที่สามในการส่ง Signals ให้แก่ process โดยการใช้ kill system call ซึ่งเป็นวิธีในการส่ง signal จาก 1 process ไปยังที่อื่น ๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้ง “kill command” หรือ “fg command” ก็ได้ โดยต้องมีการ include signal.h ด้วย จึงจะสามารถใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ได้เช่น kill เป็นต้น ซึ่ง process จะหยุดการทำงานของตัวเองโดย การส่ง PID ตัวเองไปให้ฟังก์ชัน ใน signal.h จัดการ ดังตัวอย่างการเรียกใช้ฟังก์ชัน kill ในโปรแกรม
4. bg.
5. jobs คำสั่ง jobs ของระบบ Unix,Linux (เป็นคำสั่งสำหรับกำหนดควบคุม การรับส่งผ่านข้อมูลของ Firewall)รูบแบบการใช้งาน jobs
คำสั่งสำรองข้อมูล
1.คำสั่ง tar : : : คลายการบีบอัด หรือแตกแฟ้มประเภท .tar
2.gzip : : : คลายการบีบอัด หรือแตกแฟ้มประเภท .gz
3. gunzip เป็นการบีบอัดไฟล์หรือขยายบีบอัดไฟล์
คำสั่งเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร
1.คำสั่ง telnet : : : ใช้ติดต่อเข้า server ต่าง ๆ ตาม port ที่ต้องการ
2. คำสั่ง ftp ของระบบ Unix,Linux (เป็นโปรแกรมรับ-ส่งไฟล์ )
3.คำสั่ง lynx : : : Text browser ที่ใช้งานง่าย ใช้ดู source หรือ download ได้
4. mesg mesg ดู status การรับการติดต่อของ terminalmesg y เปิดให้ terminal สามารถรับการติดต่อได้mesg n ปิดไม่ให้ terminal สามารถรับการติดต่อได้
5.คำสั่ง ping : : : ตรวจสอบ ip และการเชื่อมต่อ internet
6.write จะใช้เพื่อการส่งข้อมูลทางเดียวจากผู้เขียนไปถึงผู้รับบนเครื่องเดียวกันเท่านั้น
คำสั่งอื่นๆ
1. at นั้นมีไว้สำหรับสั่งการให้โมเด็มซ้ำสตริงคำสั่งสุดท้าย โมเด็มจะ ปฏิบัติตามคำสั่งทันทีที่พิมพ์เครื่องหมาย/ ไม่จำเป็นต้องป้อนคำเติมหน้าคำสั่ง
2. cpio ต้องการชื่อเต็ม (full pathname) ดังนั้นถ้าผู้ใช้ทำการอ้างชื่อ ไดเรกทอรีปลายทางแบบ relative
3. bc คำสั่งเรียกใช้โปรแกรมคำนวณเลขของระบบ Unix,Linuxรูบแบบการใช้งาน bc [-lwsqv] [option] [file]ตัวอย่าง bc [Enter] 1+2 [Enter] 1^2 [Enter] a=3 [Enter] b=4 [Enter] a*b [Enter] x=2;y=5;x+y[Enter] [Ctrl-d] เพื่อออก หมายเหตุ:คำสั่งนี้จะใช้ได้ต้องInstall Packet ลงไปก่อน
4.basename เป็นคำสั่งสำหรับสกัดเอาชื่อไฟล์ไฟล์โดยตัดส่วนขยายชื่อไฟล์ (file extension) .gif ออก
5. last เป็นคำสั่งที่จะทำให้ loop หยุดทำงานและออกมาจาก loop ทันที
6. crontab มีไว้เพื่อการตั้งเวลาทำงานคำสั่งหรือโปรแกรมล่วงหน้า ตามเวลาที่ ผู้ใช้ต้องการ แต่การเปิดอนุญาติเช่นนี้อาจสร้างปัญหาให้แก่ระบบ
7. dd ใช้สำหรับจัดย่อหน้าสำหรับคำอธิบาย
8. du แสดงการเนื้อที่ใช้งาน ของแต่ละ directory โดยละเอียด. ช่วยให้ผู้ดูแล ระบบรู้ว่า directory ใด ใช้เนื้อที่ใด หรือใช้ดูรวม ๆ
9. dirname คือเปลี่ยนทั้งเจ้าของไฟล์และกลุ่มไปพร้อมกันทุกไฟล์ใน Sub dirname
10. ln เป็นคำสั่งไว้สร้าง link ไปยังที่ ที่ต้องการ คลายกับ shortcut
11. env แสดงค่า environment ปัจจุบัน
12. eject n13. exec ที่ใช้ในการแทนค่าตัวแปรแล้วรันคำสั่งแบบพลวัต (dynamicly) บันทึกพฤติกรรมของ exec ไว้
14. free แสดงหน่วยความจำที่เหลืออยู่บนระบบ โครงสร้างคำสั่ง free [-b-k-m] โดย option ที่มักใช้กันใน free คือ -b แสดงผลลัพธ์เป็นหน่วย byte -k แสดงผลลัพธ์เป็นหน่วย kilobyte -m แสดงผลลัพธ์เป็นหน่วย megabyteตัวอย่าง free free -b free -k
15.groups
16. hostname คำสั่งแสดงชื่อเครื่องที่ใช้อยู่ตัวอย่าง hostname
17. lp
18. mount คำสั่ง mount ของระบบ Unix,Linux (เป็นคำสั่งเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับระบบ)รูบแบบการใช้งาน mount (-t type) DeviceDriver MountPointตัวอย่าง# การ Mount แบบที่1 CdRom mount -t iso9660 /dev/cdrom /mnt/cdromหรือ# mkdir /mnt/cdrom# mount_cd9660 /dev/cd0a /mnt/cdrom#การ Mount CdRom แบบที่2 mount /dev/cdrom (เมื่อmountแล้วCDจะอยู่ที่ /mnt/CdRom ยกเลิกดูคำสั่ง Unmount)
19. mt คำสั่งกำหนดและแก้ไขรหัสผ่านของ User ของระบบ Unix,Linux ... คำสั่งกำหนดคำสั่งย่อ ของระบบ Unix,Linux
20.nice คำสั่งหรือโปรอกรมเข้าสู่เครื่อง .... ติดต่อ nice หรือ ติดต่อผู้บริหารเว็บไซต์ + Powered by KnowledgeVolution
21. nohup
22. netstat จะแสดงเป็นตัวเลข IP ยากต่อการเดา และการดูจริงๆคุณต้องสังเกตที่ port ที่เครื่องคุณด้วยว่าเป็น port ที่ใช้ทำอะไร
23. od แสดงเนื้อหาในไฟล์ไบนารี่
24. pr คือส่วนหนึ่งของภาษา HTML. คุณสามารถใช้ BBCode ในข้อความที่คุณพิมพ์. และคุณสามารถยกเลิกการใช้ BBCode ในแต่ละข้อความได้ในแบบฟอร์มกรอกข้อความ. BBCode มีรูปแบบคล้ายๆกับภาษา HTML
25. df คำสั่ง df ของระบบ Unix,Linux (เป็นการตรวจสอบการใช้พื่นที่บนฮาร์ดดิสก์)รูบแบบการใช้งานdf [option] [file]ตัวอย่าง df [Enter]
26. printf รับค่าตัวแรกเป็นข้อความที่จัดรูปแบบการแสดงผล และรับรายการของข้อมูลที่ต้องการแสดงผลถัดไป. รูปแบบการแสดงผลจะถูกระบุโดยเครื่องหมาย % ตามด้วยอักษรแสดงรูปแบบ. ในกรณีนี้ %d ระบุว่าเราจะพิมพ์ตัวเลขฐานสิบ
27. df คำสั่ง df ของระบบ Unix,Linux (เป็นการตรวจสอบการใช้พื่นที่บนฮาร์ดดิสก์)รูบแบบการใช้งานdf [option] [file]ตัวอย่าง df [Enter]
28. printenv คำสั่งนี้จะแสดงค่าตัวแปลสภาพ แวดล้อม. ตัวอย่าง:. -เซ็ตค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม. จะใช้คำสั่ง ‘setenv’
29. pg เป็นคำสั่งใช้แสดง content ของไฟล์ ทั้งหมดทีละจอภาพ ถ้าต้องการแสดงหน้า ถัดไป ต้องกด แป้น enter; รูปแบบ. pg filename
30.Quota
31. rlogin ใช้เพื่อเปิดการเชื่อมต่อ ด้วย rlogin. rsh. ใช้เพื่อ execute คำสั่งแบบ Remote (การใช้คำสั่งทำงานบน Host อื่นแบบ Remote)
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
โปรแกรม VMWare
โปรแกรม VMWare
เป็นโปรแกรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อสร้างคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) ขึ้นบนระบบปฏิบัติการเดิมที่มีอยู่ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลงระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่เดิม แล้วทำการลงระบบปฏิบัติการ Windows NT ผ่านโปรแกรม VMWare อีกทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อลงแล้ว ทั้งสองระบบสามารถทำงานพร้อมกันได้โดยแยกจากกันค่อนข้างเด็ดขาด (เสมือนเป็นคนละเครื่อง) โดยคอมพิวเตอร์เสมือนที่สร้างขึ้นมานั้น จะมีสภาพแวดล้อมเหมือนกับคอมพิวเตอร์จริงๆ เครื่องหนึ่ง ซึ่งจะประกอบด้วย พื้นที่ดิสก์ที่ใช้ร่วมกับพื้นที่ดิสก์ของเครื่องนั้นๆ การ์ดแสดงผล การ์ดเน็ตเวิร์ก พื้นที่หน่วยความจำซึ่งจะแบ่งการทำงานมาจากหน่วยความจำของเครื่องนั้นๆ เช่นกัน ปัจจุบันโปรแกรม VMWare มีเวอร์ชันทั้งสำหรับการทำงานบน Windows และ Linux หากเครื่องท่านเป็น Windows ก็สามารถลองเวอร์ชันสำหรับ Windows ได้ โดยท่านสามารถเข้าไปโหลดโปรแกรมมาทดลองใช้งานได้ที่
คู่มือการใช้ADOB BE CAPTIVATE 3.0ขั้นตอนการติดตั้ง
คู่มือการใช้ADOB BE CAPTIVATE 3.0ขั้นตอนการติดตั้ง
1. ปิดโปรแกรมที่เปิดใช้งานต่างอยู่2. เลือกโปรแกรมจากแผ่น CD หรือจาก Folder ที่มีโปรแกรมในชุดโปรแกรมที่ติดตั้งจะมีไฟล์ที่สำคัญอยู่ด้วยกันคือ Adobe_Captivate_3_WWE และ Keygen
3. เมื่อติดตั้งให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ Adobe_Captivate_3_WWE.exe
4. คลิก Run เพื่อแตกไฟล์ที่บีบอัดมา
5. เมื่อคลิด Next ก็จะขยายไฟล์ไปยังตำแหน่งที่กำหนด
6. ให้รอในขณะที่กำลังแตกขยายไฟล์
7. คลิก Next เพื่อเริ่มติดตั้งโปรแกรม
8. คลิก Accept เพื่อยอมรับข้อตกลง และติดตั้งโปรแกรม
9. คลิก Next เมื่อไม่ต้องการเปลี่ยน Folder ที่ติดตั้ง
10. คลิก Install ติดตั้งโปรแกรม
11. ให้รอจนกว่าจะเสร็จ
12. การติดตั้งโปรแกรมเสร็จสิ้น
13. ส่วนไฟล์ keygen.exe จะเป็นไฟล์ของ serial key ให้ดับเบิลคลิกเพื่อหา serial key
14.เมื่อต้องการ Serail ให้คลิกที่ Serial Number
15. คัดลอก Serial Number ที่ได้จากไฟล์ Keygen
16. เมื่อ Serial Number ถูกต้อง ให้คลิก Next
17. Copy Activation Number ไปวางใน Keygen คลิกAuthorization Code
18. Copy Authorization Code ไปวางในช่องAuthorization Code แล้วคลิก Activate
19. Activate เสร็จแล้วคลิก Done
20. ไม่ต้องลงทะเบียนให้คลิกที่ Register Later ก็จะเสร็จสมบาณ์ในการติดตัง้ส่วนประกอบหน้าจอแรกของโปรแกรม Adobe CaptivateOpen a recent project แสดงไฟล์ล่าสุดที่เคยบันทึกไว ในโปรแกรม เปิดไฟล์ที่เคยบันทึกไวRecord new project (สำหรับการเริ่มต้นใช้งานแนะนำให้ใช้งานตรงส่วนนี้) สำหรับสร้าง projectบันทึก movie (จับหน้าจอภาพ)Getting started tutorials แนะนำขั้นตอนการสร้าง Project ด้วยโปรแกรม Adobe Captivate เริ่มตั้งแต่การบันทึก การแก ไขตกแต่ง การส่งออก การนำเข้าไฟล์เสียงการสร้างส่วน ตอบโต้ การใส่ลูกเล่นเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ตามลำดับเริ่มต้นใช้งาน Adobe Captivate 3.0เป็นที่ทราบกันแล้วว่าจุดเด นของโปรแกรม Adobe Captivate 3.0 มีความสามารถในการ สร้างMovie ได้หลากหลายรูปแบบ เริ่มแรกให้คลิกที่ Record or create a new project จะ ปรากฏหน้าต่าง ewproject options
10. Software Simulation หมายถึงว่าจะเป็นการจำลองการจับหน้าจอภาพตามที่เรากระทำ โปรแกรมจะทำการเก็บภาพหน้าจอตามที่เรากระทำกับ Mouse หรือกระทำอื่นใดกับจอภาพ ในส่วนที่โปรแกรมให้เราเลือกจากรายการที่กำหนด มีหลัก การทำงาน ดังนี้- Application สำหรับการ Capture movie ทั้งหน้าจอภาพ ของโปรแกรมที่เรา ต้องการจะทำการบันทึกการทำงานของหน้าจอ- Custom size สำหรับการ Capture movie แบบกำหนดขนาดหน้าจอภาพได้- Full Screen สำหรับการ Capture movie ทั้งหน้าจอภาพการสร้างผลงานสื่อการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม Captivate รวมถึงการสร้าง Movies ควรเริ่มต้นโดยวางแผนการสร้างภาพเคลื่อนไหว (Movie) โดยออกแบบ Storyboards, Scripts หรือใน รูปแบบอื่นตั้งค่าเริ่มต้นการใช้งานในการจับจอภาพเคลื่อนไหว (Movie preferences)บันทึกภาพเคลื่อนไหว ที่กระทำกับจอภาพ การคลิกกับวัตถุใด ๆ บนจอภาพ โปรแกรมจะ บันทึกไว1 สไลด์ ในการคลิกแต่ละครั้ง หรือจะนำเข้าไฟล์ภาพเคลื่อนไหวก็ได้ เพิ่มข้อความ รูปภาพ เสียง ข้อความเคลื่อนไหว และรายละเอียดส่วนอื่น ๆ แก ไขปรับปรุง Timeline ทดลองดูภาพเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้น
11. กำหนดเงื่อนไขในการสร้าง E-Learning และสร้างสไลด์คำถามใน (เติมคำในช่องว่าง, แบบเหมือน,จับคู , ตัวเลือก, ตอบสั้นๆ ,ถูกผิด)เลือกจัดเก็บรูปแบบในการเผยแพร (Publish)จัดเก็บและเผยแพร ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต EXEจัดเก็บและเผยแพร ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต Flash และ เรียกใช้โดย HTMLจัดเก็บและเผยแพร ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต zip เพื่อใช่เป็น SCORMจัดเก็บและเผยแพร ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต Word หรือ Handout (คู มือการใช้ งาน)จัดเก็บและเผยแพร ไปบนเว็บไซต์ ด้วย FTP ส่ง Movie โดยใช้ E-mailการสร้างภาพเคลื่อนไหวด้วยโปรแกรม Adobe Captivate 3.0 Step by StepStep
1 คลิกที่ Record or create a new projectStep
2 จะปรากฏหน้าต่าง New movie options ให้คลิกที่ Record or create a new project
12. เมนูการใช้งาน New Project OptionsSoftware Simulation ใช้สำหรับจับภาพการเคลื่อนไหวของหน้าจอภาพ แสดงออกมา ในรูปแบบของสถานการณ จำลองApplication สำหรับการจับภาพของหน้าต่างที่เปิดใช้งานอยู่ (Active window) Custom size สำหรับการจับภาพหน้าจอที่กำหนดขนาดของขอบเขตได้ Full Screen สำหรับการจับภาพทั้งจอภาพDemonstration หมายถึง โปรแกรมจะจับหน้าจอตามการกระทำที่เกิดขึ้น มีการ เคลื่อนไหวของเมาส์ มีกรอบโต้ตอบกับผู้เรียนAssessment Simulation โปรแกรมจะบังคับให้ผู้เรียนกระทำตามที่ได้บันทึกหน้าจอไว เช่นถ้ามีการบันทึกการคลิกเมาส์ไว เมื่อเล่นมาจนถึงช่วงที่ต้องคลิกเมาส์โปรแกรมจะหยุด เล่นจนกว่าจะมีการคลิกเมาส์และหากคลิกผิดที่จะมีกล่องข้อความขึ้นมาบอกว่าต้องคลิก ที่ใด เมื่อผู้เรียนคลิกเมาส์ถูกต้อง โปรแกรมจะเล่นต่อไปจนกว่าจะมีเหตุการณ ใหม่เกิดขึ้นTraining Simulation หมายถึงการจับหน้าจอแบบการฝึกอบรม โปรแกรมจะทำการบันทึก หน้าจอทั้งหมด เมื่อมีการเล่นโปรแกรมจะแสดงกล่องข้อความโต้ตอบให้ผู้เรียนทำตาม การบันทึกหน้าจอแบบนี้เหมาะสำหรับสอนการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้งนี้สามารถ บันทึกเสียงบรรยายไปพร้อมกันได้ด้วยCustom โปรแกรมจะให้เราเข้าไปกำหนดค่าในการบันทึกได้ด้วยตนเองและสามารถแก ไข ได้อีกในภายหลังการ Capture movie หน้าจอภาพเป็นการใช้งานที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะสามารถ นำไปใช้เป็นสื่อเรียนรู แบบมัลติมีเดีย ที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งขั้นตอนการCapture movie หน้าจอภาพทำได้ดังนี้
1. คลิก Start, Programs, Macromedia, Adobe Captivateเลือกโปรแกรมที่จะสร้างสื่อการเรียนการสอนเลือกโปรแกรมให้พอดีกับขนาดที่ตั้งค่าไว้อัดเสียงบรรยายลักษณะที่จะบันทึกเริ่มการบันทึก
2. คลิก Record or create a new movie จะปรากฏหน้าต่าง New movie options
3. คลิก Full screen เพื่อ Capture movie ทั้งหน้าจอภาพ
4. คลิก OKMonitor แสดงสถานะจอภาพที่กำลังใช้งานRecord narration เป็นการบันทึกเสียงบรรยายพร้อมๆ กับการ Screen capture movieRecording size บอกขนาดการ Capture movie หน้าจอภาพOptions… เป็นการปรับแต่งเพิ่มเติม ปกติจะใช้ค่าที่โปรแกรมกำหนดมาให้Record เมื่อกดปุ่มนี้จะเป็นการเริ่มบันทึกการ Capture movie หน้าจอภาพ
5. คลิกปุ ม Record เพื่อเริ่มบันทึก การ Capture movie หน้าจอภาพ
6. กดปุ ม บนแป้นพิมพ์เมื่อสิ้นสุดการ Capture
7. ปรากฏสไลด์ Movie (Movie Frame) ซึ่งจำนวนสไลด์จะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่คลิก เมาส์เช่น หากมีการคลิกเมาส์ 10 ครั้งก็จะได้จำนวนสไลด์เท่ากับ10 สไลด์ หรือ 10 เฟรม สไลด์Movie (Movie Frame)
8. คลิกปุ ม Edit เพื่อแก ไขสไลด์
9. การปรับแต่ง Timelineปกติแต่ละสไลด์จะมีค่า Timeline อยู่ที่ 4 วินาที ในรูปข้างล่างจะเป็น Slide 4(4.0s)สามารถปรับแต่งเพิ่มหรือลดค่า Slide Timeline ได้วัตถุที่วางบนสไลด์จะวางเรียงกันเป็นเลเยอร์(Layer) ถ้าต้องการปรับแต่ง Timeline วัตถุใดก็ให้คลิกที่วัตถุนั้นแล้วลากซ้ายขวาคลิกแล้วลากเพื่อปรับแต่ง Timeline โปรแกรมจะสร้างข้อความให้อัตโนมัติ สามารถดับเบิลคลิกเพื่อแก ไขข้อความได้
10. การแก ไขข้อความในสไลด์ปกติโปรแกรมจะสร้างข้อความในสไลด์ให้อัตโนมัติ เราสามารถแก ไขข้อความได้ โดยดับเบิลคลิกแล้วแก ไขข้อความ ดังรูปข้างล่างเมื่อต้องการแก้ไขข้อความภายใน Text Caption ให้ดับเบิลคลิกก็จะสามารถแก้ไขข้อความได้
11. การลบสไลด์การลบสไลด์ทำได้โดยคลิกสไลด์ที่ต้องการลบ แล้วกดปุ ม บนแป้นพิมพ์
12. การเพิ่มสไลด์ จุดประสงค์เพื่อทำสไลด์ไตเติลการเพิ่มสไลด์ทำได้โดยคลิกที่เมนู Insert, Blank Slide หลังจากเพิ่มสไลด์เราก็ สร้าง Textanimation เป็นสไลด์ไตเติลก่อนที่จะเข้าเนื้อหาเมื่อได้ Slide แล้วให้นำขึ้นไปเป็นสไลด์แรก แล้วจึงแทรก Text animation
13. การใส่สีพื้นหลังให้กับสไลด์การใส่สีพื้นหลังให้กับสไลด์ทำได้โดยคลิกที่เมนู Slid, Properties…เลือกสีพื้น หลัง สีพื้นหลังที่เลือก Text animation
14. การดูผลงานสไลด์ Movieการดูสไลด์ Movie ทำได้โดยคลิกที่ปุ ม Preview เช่นเลือก Preview In Web rowserสไลด์จะโชว์เป็นภาพเคลื่อนไหวตามลำดับสไลด์ เมื่อดูผลงานเสร็จแล้วให้คลิกปุ ม Close แล้วบันทึกไฟล์เก็บไว เพื่อแก ไขใน ภายหลัง
15 การบันทึกไฟล์โปรแกรม Adobe Captivateการบันทึกไฟล์โปรแกรม Adobe Captivate คือการเก็บ ไฟล์ที่เราสร้างไว เพื่อประโยชนสำหรับการแก ไขในภายหลัง โดยโปรแกรม Adobe Captivate มีนามสกุลไฟล์ *.CP โดยวิธีการบันทึกให้ ไปที่เมนู File, Save หรือคลิกปุ ม Save บน Main Tools Barการสร้างงานด้วย Blank Projectการสร้าง Blank Project เมื่อตกลงจะได้หน้าใหม่ให้ตั้งค่าต่างดังนี้User defined กำหนดขนาดตามความต้องการ เช่น ตัวอย่างเลือกขนาด 800 x 600Preset size กำหนดขนาดตามความละเอียด (Resolution) ของจอภาพการสร้าง Movie ด้วยวิธีนี้จะอาศัยเครื่องมือที่อยู่ด้านล่างช่วยสร้างเครื่องมือที่สำคัญที่นิยมใช้กันดังนี้การสร้าง Text Animationคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Text Animation ปรากฏหน้าต่าง New text Animation เลือก TextAnimationแทรก Flash Vedio จัดตำแหน่งแทรก Animationแทรก Rollover image เมาส์ผ่านเกิดเป็นภาพแทรกภาพแทรก Text Animationแทรกปุ่มบังคับในสไลด์แทรก Click Box คลิกตำแหน่งภาพแทรก Text Emtry การเติมคำในช่องว่างแทรก Zoom Area ขยายพื้นที่ต้องการแทรก Rollover slideletแทรก Rollover caption เมื่อเมาส์ลากผ่านตำแหน่งที่กำหนดจะมีข้อความเกิดขึ้นแทรก caption คือการแทรกตัวหนังสือEffect เลือกรูปแบบการแสดงผลข้อความText พิมพ์ข้อความที่ต้องการChange font… เปลี่ยนรูปแบบ ขนาด หรือสีของตัวอักษร20ค่าของ Optionsค่าของ Audioการสร้าง Caption หรือสร้างหนังสือทั่วไปเมื่อสร้างสไลด์ใหม่แล้ว คลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Caption ปรากฏหน้าต่าง New text CaptionTiming กำหนดเวลาการแสดงผลของ MovieLoop คลิกถูกที่ Loop กำหนดให้เล่นวนซ้ำTransition กำหนด Effect ในการเปลี่ยนฉากแต่ละสไลด์ (Frame)Record new… กำหนดการบันทึกเสียงจากไมโครโฟนImport… นำเข้าไฟล์เสียง เช่น MP3, WAVSettings การกำหนดค่าของเสียงที่บันทึก เลือกไมโครโฟนCaption type กำหนดลักษณะรูปแบบของCaptionFont…รูปแบบตัวหนังสือส่วนค่า option และ Audio จะมีลักษณะพื้นที่พิมพ์ตัวหนังสือ เหมือนกับ การสร้าง text Animation21การสร้าง Rollover Captionเป็นการสร้างหนังสือในรูปแบบที่เมื่อแสดงผลโดยการลากเมาส์ผ่านจุดที่กำหนดจึงจะปรากฏหนังสือออกมาให้เห็น เริ่มสร้างโดยคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Rollover Caption ปรากฏหน้าต่าง RolloverCaptionการสร้างปุ่มควบคุมโดยคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Button ปรากฏหน้าต่างการแทรก Text EntryText Entry ใช้แทรกเพื่อทำกิจกรรมในระหว่างเรียนหรือเป็นการทดสอบความสามรถของนักเรียน ซึ่งเป็นการเติมคำในช่องว่าง มีขั้นตอนดังนี้
1. สร้างคำถามด้วย Caption
2. เลือกไอคอน Text Entry บนจอภาพจะเกิดกรอบโต้ตอบใหม่ขึ้นมา
3. เลือกตำแหน่งแล้วปรับ Text Entry ให้เหมาะสม
4. เปลี่ยน Type success text here โดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ถูกต้อง
5. เปลี่ยน Type failure text hereโดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ผิดให้ตอบใหม่
6. แทรก Bottom ควบคุม
7. จัด Time Line ให้เหมาะสมข้อความที่ปรากฏในช่องคำตอบที่ถูกตกลงการแทรกรูปภาพ (image)โดยคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Image ปรากฏหน้าต่างใหม่ให้เลือกรูปภาพที่จะแทรกเมื่อเลือกรูปภาพแล้วถ้าหากภาพมีขนาดใหญ่จะมีหน้าต่างให้ Crop รูปภาพ .ให้ได้ขนาดพอดีกับพื้นที่ที่กำหนด ถ้าเลือก Resize จะทำให้ขนาดของภาพปรับลดขนาดลงให้พอดีกับพื้นที่กำหนดImage กำหนดขนาดของภาพหรือเปลี่ยนภาพClick Box เป็นการทำที่เกี่ยวกับภาพและคำถามที่เกี่ยวข้องกับภาพเพื่อเป็นการฝึกให้นักเรียนทดลองทำหลังจากที่เรียนผ่านไปโดยการคลิกที่ภาพตามคำถามที่กำหนดให้ มีขั้นตอนในการสร้างดังนี้
1. แทรกรูปภาพที่ต้องการทดสอบความรู้ของนักเรียน ด้วยไอคอน Image
2. แทรกคำถามด้วยไอคอน Caption
3. เลือกไอคอน Click Box บนจอภาพจะเกิดกรอบโต้ตอบ
4. ปรับตำแหน่งที่ต้องการให้คลิกเมาส์ที่ที่ตำแหน่งที่ถูกต้อง
5. เปลี่ยน Type success text here โดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ถูกต้อง
6. เปลี่ยน Type failure text hereโดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ผิดให้ตอบใหม่
7. แทรก Bottom ควบคุม
8. จัด Time Line ให้เหมาะสมการแทรกแบบทดสอบคลิกเมนู insert, Slide จะปรากฏหน้าต่าง Question Slide รูปแบบการ Question Slideรูปแบบการ Question Slideชนิดของแบบทดสอบที่โปรแกรมกำหนดให้มีหลายรูปแบบสามารถที่เลือกได้ตามความเหมาะสมในการสร้างบทเรียน เมื่อเลือกแบบทดสอบแล้วให้กดปุ่มสร้างแบบทดสอบ ก็จะได้หน้าต่างใหม่สำหรับสร้างกำหนดให้ถูกข้อเดียวหรือหลายข้อกำหนดให้เป็น A B C หรือ a b cกำหนดรายละเอียดข้อสอบการกำหนดรายละเอียดข้อสอบเพื่อนำออกไปใช้ประโยชน์ต่อไปการส่งออก (Publish) ไฟล์ *.CP
1. เปิดไฟล์ *.CP ที่เคยสร้างไว แล้ว
2. คลิกเมนู File, Publish จะปรากฏหน้าต่าง Publish รูปแบบการ Publishตัวอย่างนี้เลือก Publish เป็น Flash (SWF)และ HTML หลังจากที่ Publish ก็จะได้ ไฟล์ 2 ไฟล์ คือ.SWF กับ .HTMLFlash (SWF) ส่งออกเป็น Flash movie File (.swf) สำหรับใช้งานบนเว็บไซต์ Adobe ConnectEnterprise ส่งออก Online บนอินเทอร์เน็ตStandalone ส่งออกเป็นไฟล์ *.exe สำหรับสื่อเรียนรู เปิดดูได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม E-Mailส่งออกเป็น E-MailPrint ส่งออกเป็นใบปลิว (ส่งออกโปรแกรม Microsoft Word) FTP ส่งออกเป็น File Transfer ProtocalOutput OptionsZip File ส่งออกเป็นไฟล์ *.ZIP ซึ่งสามารถนำเข้าบทเรียนออนไลน์ใน Moodle ในรูปแบบ ScromFull screen ส่งออกแบบเต็มจอภาพ เมื่อเลือกเพิ่มExport HTML ส่งออกเป็นไฟล์ *.HTML จะได้ทั้งไฟล์ที่เป็น .SWF กับ .HTMLGenerate autorun for CD สร้างระบบ autorun สำหรับแผ่น CDFlash Version เป็นการเลือกรุ นของโปรแกรมเล่นไฟล์ FlashProject Informationโดยเลือก Preferences สำหรับตั้งค่าต่างก่อนที่จะนำออกไป จะปรากฏหน้าต่างใหม่ให้ตั้งค่าPreferences แสดงข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ที่ส่งออก เช่น ขนาดของการแสดงผล (Resolution), จำนวนสไลด์ทั้งหมด (Slides), การใส่เสียงประกอบสไลด์ (Slide with audio) คุณภาพของเสียง (Audio Quality),e-learning Output, แถบควบคุม Movie (Playback Control) Preferences… การกำหนดรูปแบบการส่งออกเพิ่มเติมStandalone ส่งออกเป็นไฟล์ *.exeในการสร้างสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบที่เป็นลักษณะคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อที่จะให้นักเรียนนักศึกษาสามารถที่จะนำไปศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง มีขั้นตอนการสร้างดังนี้
1. เลือกเครื่องมือ Publish แล้วเลือก Standalone เมื่อทำเสร็จสามารถที่ใช้งานได้เลยโดยเลือกเปิดเล่นจากไฟล์ที่สร้างขึ้นมา
2. ทำเหมือนกันทุกๆ หน่วย หรือที่มีอยู่จนหมดทุกงาน เพื่อที่จะสร้างเมนูสำหรับใช้งานให้ได้งานทั้งหมด
3. เลือกเมนู File แล้วทำภาพ
4. จะได้หน้าต่างใหม่ดังภาพแล้วทำตามได้เลย
5. เลือกรูปแบบเมนู
6. สร้างเมนูที่หน้าแรกของงานที่นำเสนอ
7. จะได้หน้าต่างสำหรับตั้งชื่อแผ่นซีดี แล้วก็กด Finish
8. จะได้หน้าต่างสำหรับปรับแต่งเมนูให้เหมาะสม
9. เมื่อปรับแต่งเสร็จให้เลือกเครื่องมือ Export เพื่อนำไปใช้งานจริง
10. เมื่อเกิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาให้ตั้งชื่อและเลือก Folder ที่จะบันทึก แล้วกด Finish
11. จากนั้นให้ทดลองทดสอบว่างานที่ทำเสร็จสามารถใช้งานได้หรือไม่
12. เมื่อตรวจสอบแล้วก็ให้นำงานทั้งหมดใน Folder นั้น เขียนลงในแผ่นซีดีเพื่อนำไปใช้งานจริงการบันทึกเพื่อนำไปใช้กับ Moodleแต่ถ้าต้องการนำเข้าในโปรแกรม Moodle เพื่อสร้างบทเรียนออนไลน์ ในลักษณะที่เป็น Scormจะต้องเสร็จค่าให้เป็น Scorm ด้วยตามภาพ และเลือก Publish ให้ Zip filesเมื่อกำหนดค่าหมดแล้ว ก็กด Publish โปรแกรมจะทำการบันทึกไฟล์ตามรูปแบบที่กำหนดเมื่อ Publish เสร็จสามารถที่ดูงานที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ได้โดยกดปุ่ม View Output งานที่เสร็จนั้นก็จะแสดงผลให้ดูได้เลยการนำบทเรียนที่สำเร็จใช้ร่วมกับ โปรแกรม Moodle เพื่อเป็น E_learningสามารถที่จะทำได้โดยเปิดบทเรียน E_learning ที่สร้างไว้ก่อนแล้วได้ตามขั้นตอนดังนี้
1. เปิด Internet Explorer หรือตัวไหนก็ได้ที่สามารถเข้าอินเตอร์เนตได้
2. เลือกรายวิชาที่จะสร้างบทเรียนแล้วเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ที่สามารถแก้ไขงานได้
3. เข้ารายวิชาแล้วให้เริ่มแก้ไขงาน
4. เลือกเพิ่มแหล่งข้อมูล เลือกแบบลิงค์ไฟล์หรือเว็บไซด์
5. จะมีหน้าต่างใหม่ให้เลือก
6. เลือกหรืออัพโหลดไฟล์ เพื่อนำไฟล์ที่สร้างเสร็จแล้วเข้ามาใช้งาน
7. จะได้หน้าต่างใหม่ให้เลือกไฟล์เข้ามาได้
8. เมื่อเลือกอัพโหลดไฟล์นี้จะได้หน้าให้เลือกไฟล์
9. จะกลับมาที่หน้าให้บันทึกการเปลี่ยนแปลง
10. เมื่อบันทึกเสร็จก็สามารถที่จะแสดงผลงานผ่านหน้าเว็บไซด์ได้เลยโดยคลิกที่ชื่อของงานเมื่อเสร็จแล้วสามารถที่จะเพิ่มบทเรียนอื่นในทำนองเดียวกัน แต่ถ้าหากบทเรียนมีบททดสอบด้วยให้ใช้วิธีนำเข้าโดยการเพิ่มกิจกรรมแล้วเลือก Scrom :ขั้นตอนการนำเข้าคล้ายๆ กัน
วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551
คำสั่งบน unix
1.คำสั่ง man ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับดูคู่มือการใช้งานของ คำสั่งต่าง ๆ
2.คำสั่ง alias เป็นคำสั่งแทน shortcut commandline ยาวๆๆได้ เพิ่ม shortcut alias Unet="pppd call airplus &" ถอด shortcut unalias Unet ก่อนใช้งาน
3.คำสั่ง cal ใช้แสดง ปฏิทินของระบบ รูปแบบ $ cal month year เช่น $ cal 07 1999
4.คำสั่ง logname คำสั่งแสดงชื่อผู้ใช้ขณะใช้งาน
5.คำสั่ง CMP(compare) เป็นคำสั่งใช้ทำการเปรียบเทียบโอเปอแรนด์ ใช้ได้ทั้งโอเปอแร นด์ 8 บิตและขนาด 16 บิตผลลัพธ์จะปรากฏอยู่ที่แฟล็กรีจิสเตอร์
6.คำสั่ง cat ใช้สำหรับการแสดงข้อมูลในไฟล์
7.คำสั่ง cu ใช้เพื่อตักเพื่อเคลื่อน ย้ายตำแหน่ง
8.คำสั่ง diff เป็นคำสั่งเปรียบเทียบไฟล์ เช่น ในกรณีที่เราแก้ไขค่าคอนฟิกสืของ โปรแกรม samba ซึ่งก่อนแก้ไข smb.conf นี่เราได้ทำการ backup ไว้เป็น smb.conf.bak
9.คำสั่ง echo $ echo "Hello" ใช้แสดงข้อความ "Hello" ขนาดปกติ
10.คำสั่ง exit เพื่อออกจากระบบ หรือ โปรแกรมคำสั่ง expr ใช้ในลักษณะที่เป็นข้อความหรือสตริง ซึ่งหากต้องการเก็บเป็นตัวเลข
11.คำสั่ง Find ค้นหาไฟล์ที่ต้องการ
12.คำสั่ง finger เพื่อหารายการของผู้ใช้ บนระบบ การรวบรวมข้อมูลข่าวสารอาจจะรับรายการของบัญชีจำนวนหนึ่งที่คงอยู่
13.คำสั่ง grep เป็นคำสั่งที่ผู้ใช้งาน linux คุ้นเคยกันดี เพราะมักจะนิยมใช้เพื่อการ คัดแยกบรรทัดข้อความจากtext file หรือ stdout กันเป็นประจำ
14.คำสั่ง HEAD เป็นคำสั่งที่ใช้กำหนดหัวข้อในส่วนที่เป็นชื่อเรื่องของไฟล์ HTML และ ภายในคำสั่งHEAD
15.คำสั่ง more เป็นคำสั่งที่ใช้ดูหรือแสดงข้อมูลที่ละ 1 หน้าจอ รูปแบบ
16.คำสั่ง less จะใช้สำหรับดูข้อมูลในไฟล์ทีละหน้าจอ สามารถใช้ปุ่ม space bar สำหรับ การดูหน้าถัดไป และ สามารถเลื่อนลูกศรขึ้น-ลง ได้ ถ้าต้องการออกจากหน้าจอของคำสั่ง
17.คำสั่ง Password เป็นรหัสที่เรากำหนด หรือตัวเลขสำหรับเข้าสู้ระบบ
18.คำสั่ง Sort เป็นคำสั่งในการเรียงลำดับ ตามตัวแปรใดตัวแปรหนึ่ง
19.คำสั่ง SU โดยทั่วไปเราจะใช้คำสั่ง su เพื่อเปลี่ยนสถานะของตัวเองไปเป็นของ user อีกคนเช่น$su ksorn ก็หมายถึงการเปลี่ยน user id และ group id ไปเป็นของ user ที่ชื่อว่า ksorn$su โดยไม่มีชื่อ user ตามหลังก็เป็นการเปลี่ยนตัวเองไปแทน root
20.คำสั่ง touch เป็นคำสั่งสำหรับการสร้างแฟ้มปล่าวขึ้นมา
21.คำสั่ง w ใช้สำหรับการสร้างแฟ้มเปล่าขึ้นมา
22.คำสั่ง whoami ใช้เพื่อแสดงว่าผู้ใช้ซึ่ง login เข้าสู่ระบบนั้น (ตัวเราเอง) login ด้วยชื่ออะไร รูป23.แบบคำสั่งตัวอย่าง whoami หรือ who am i
24.คำสั่ง who ใช้สำหรับแสดงว่าใครทำงานอยู่ขณะนั้น
25.คำสั่ง which ใช้สำหรับให้รู้ว่าอันใด หรือ ของอันใด
26.คำสั่ง date เป็นคำสั่งแสดงวันและเวลาปัจจุบัน
1.คำสั่ง man ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับดูคู่มือการใช้งานของ คำสั่งต่าง ๆ
2.คำสั่ง alias เป็นคำสั่งแทน shortcut commandline ยาวๆๆได้ เพิ่ม shortcut alias Unet="pppd call airplus &" ถอด shortcut unalias Unet ก่อนใช้งาน
3.คำสั่ง cal ใช้แสดง ปฏิทินของระบบ รูปแบบ $ cal month year เช่น $ cal 07 1999
4.คำสั่ง logname คำสั่งแสดงชื่อผู้ใช้ขณะใช้งาน
5.คำสั่ง CMP(compare) เป็นคำสั่งใช้ทำการเปรียบเทียบโอเปอแรนด์ ใช้ได้ทั้งโอเปอแร นด์ 8 บิตและขนาด 16 บิตผลลัพธ์จะปรากฏอยู่ที่แฟล็กรีจิสเตอร์
6.คำสั่ง cat ใช้สำหรับการแสดงข้อมูลในไฟล์
7.คำสั่ง cu ใช้เพื่อตักเพื่อเคลื่อน ย้ายตำแหน่ง
8.คำสั่ง diff เป็นคำสั่งเปรียบเทียบไฟล์ เช่น ในกรณีที่เราแก้ไขค่าคอนฟิกสืของ โปรแกรม samba ซึ่งก่อนแก้ไข smb.conf นี่เราได้ทำการ backup ไว้เป็น smb.conf.bak
9.คำสั่ง echo $ echo "Hello" ใช้แสดงข้อความ "Hello" ขนาดปกติ
10.คำสั่ง exit เพื่อออกจากระบบ หรือ โปรแกรมคำสั่ง expr ใช้ในลักษณะที่เป็นข้อความหรือสตริง ซึ่งหากต้องการเก็บเป็นตัวเลข
11.คำสั่ง Find ค้นหาไฟล์ที่ต้องการ
12.คำสั่ง finger เพื่อหารายการของผู้ใช้ บนระบบ การรวบรวมข้อมูลข่าวสารอาจจะรับรายการของบัญชีจำนวนหนึ่งที่คงอยู่
13.คำสั่ง grep เป็นคำสั่งที่ผู้ใช้งาน linux คุ้นเคยกันดี เพราะมักจะนิยมใช้เพื่อการ คัดแยกบรรทัดข้อความจากtext file หรือ stdout กันเป็นประจำ
14.คำสั่ง HEAD เป็นคำสั่งที่ใช้กำหนดหัวข้อในส่วนที่เป็นชื่อเรื่องของไฟล์ HTML และ ภายในคำสั่งHEAD
15.คำสั่ง more เป็นคำสั่งที่ใช้ดูหรือแสดงข้อมูลที่ละ 1 หน้าจอ รูปแบบ
16.คำสั่ง less จะใช้สำหรับดูข้อมูลในไฟล์ทีละหน้าจอ สามารถใช้ปุ่ม space bar สำหรับ การดูหน้าถัดไป และ สามารถเลื่อนลูกศรขึ้น-ลง ได้ ถ้าต้องการออกจากหน้าจอของคำสั่ง
17.คำสั่ง Password เป็นรหัสที่เรากำหนด หรือตัวเลขสำหรับเข้าสู้ระบบ
18.คำสั่ง Sort เป็นคำสั่งในการเรียงลำดับ ตามตัวแปรใดตัวแปรหนึ่ง
19.คำสั่ง SU โดยทั่วไปเราจะใช้คำสั่ง su เพื่อเปลี่ยนสถานะของตัวเองไปเป็นของ user อีกคนเช่น$su ksorn ก็หมายถึงการเปลี่ยน user id และ group id ไปเป็นของ user ที่ชื่อว่า ksorn$su โดยไม่มีชื่อ user ตามหลังก็เป็นการเปลี่ยนตัวเองไปแทน root
20.คำสั่ง touch เป็นคำสั่งสำหรับการสร้างแฟ้มปล่าวขึ้นมา
21.คำสั่ง w ใช้สำหรับการสร้างแฟ้มเปล่าขึ้นมา
22.คำสั่ง whoami ใช้เพื่อแสดงว่าผู้ใช้ซึ่ง login เข้าสู่ระบบนั้น (ตัวเราเอง) login ด้วยชื่ออะไร รูป23.แบบคำสั่งตัวอย่าง whoami หรือ who am i
24.คำสั่ง who ใช้สำหรับแสดงว่าใครทำงานอยู่ขณะนั้น
25.คำสั่ง which ใช้สำหรับให้รู้ว่าอันใด หรือ ของอันใด
26.คำสั่ง date เป็นคำสั่งแสดงวันและเวลาปัจจุบัน
วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551
แหล่งทรัพยากรณ์
[PPT]
Slide 1
รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLระบบปฏิบัติการ UNIX มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการวิจัย Bell ... 1978 Version 7 ก็ ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบ UNIX รุ่นใหม่ๆ หลังจากนั้น AT&T ...202.28.94.51/users/apisak/322361/2548/Test_Assign_Page.files/Data_REPORT/Group11_OS_Support/group11.ppt - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]
UNIX
[PDF]
อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติ
รูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTMLtemp: directory. unix.ppt: data. unixbig.ppt: data. vbrun300.dl_: data ..... - rwxr-xr-x. 1 arnan. users 45270 Jan 11 13:01 unix.ppt* ...www.spu.ac.th/forum/vishakan/unix.pdf - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]
UNIX
รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLAT&T แจก Code ของ UNIX ไปให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อหวังให้เป็นที่นิยมมากขึ้น แต่กลับทำให้เกิด UNIX ตัวใหม่ขึ้นมา เรียกว่า BSD UNIX (Berkeley Software ...www.compsci.buu.ac.th/~jakkaman/C_Programming/week01(18%20June%2001)/Unix.ppt - หน้าที่คล้ายกัน
Slide 1
รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLระบบปฏิบัติการ UNIX มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการวิจัย Bell ... 1978 Version 7 ก็ ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบ UNIX รุ่นใหม่ๆ หลังจากนั้น AT&T ...202.28.94.51/users/apisak/322361/2548/Test_Assign_Page.files/Data_REPORT/Group11_OS_Support/group11.ppt - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]
UNIX
[PDF]
อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติ
รูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTMLtemp: directory. unix.ppt: data. unixbig.ppt: data. vbrun300.dl_: data ..... - rwxr-xr-x. 1 arnan. users 45270 Jan 11 13:01 unix.ppt* ...www.spu.ac.th/forum/vishakan/unix.pdf - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]
UNIX
รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLAT&T แจก Code ของ UNIX ไปให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อหวังให้เป็นที่นิยมมากขึ้น แต่กลับทำให้เกิด UNIX ตัวใหม่ขึ้นมา เรียกว่า BSD UNIX (Berkeley Software ...www.compsci.buu.ac.th/~jakkaman/C_Programming/week01(18%20June%2001)/Unix.ppt - หน้าที่คล้ายกัน
ตอบคำถามความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ UNIX
1.ระบบปฏิบัติการ UNIX
มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการวิจัย Bell ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Ken Thompson และ Dennis Ritchie ปี พ.ศ. 2512 โดยมีที่มาคร่าวๆ คือ......สถาบัน MIT (Massascusetts Institute of Technology), ห้องปฏิบัติการวิจัย AT&T Bell Labs และบริษัท GE (General Electric) ร่วมกันพัฒนาโครงการ Multics ในปี 1960 เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับ Mainframe Computer รุ่น GE 635 โดยให้ระบบปฏิบัติการนี้มีความสามารถทำงานแบบโต้ตอบ (Interactive) มีระบบอำนวยความสะดวกต่อการใช้แฟ้มและข้อมูลร่วมกันได้ แต่เกิดปัญหาหลายประการ จนกระทั่ง Bell Labs ได้ลาออกจากโครงการ แต่โครงการก็ยังดำเนินการต่อโดย Ken Thompson และ Dennis Ritchie ซึ่งทำงานกับ Bell Labs พร้อมๆ กันไปด้วย
ต่อมา Ken & Dennis ได้ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ เพื่อทำงานบนเครื่อง PDP-7 และใช้ชื่อว่าระบบปฏิบัติการ UNIX เพื่อให้ออกเสียงใกล้เคียงกับระบบ Multics ดังนั้นต้นกำหนดของ UNIX ก็คือ Multics นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ระบบแฟ้มข้อมูลที่ใช้ แนวคิดของตัวแปรคำสั่ง (Shell) หลังจากนั้นทั้งสองได้พัฒนามาเป็น Version 2 เพื่อทำงานบนเครื่องรุ่น PDP-11/20 โดยใช้ภาษา Assembly และได้พัฒนาปรับปรุงด้วยภาษา C (ภาษา C ก็พัฒนาที่ห้องวิจัย Bell Labs เช่นกัน เพื่อทำงานบนระบบ UNIX) และเผยแพร่ไปสู่มหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วย Version 6 ในปี ค.ศ. 1976
ในปี ค.ศ. 1978 Version 7 ก็ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบ UNIX รุ่นใหม่ๆ หลังจากนั้น AT&T ซึ่งเป็นองค์กรแม่ของ Bell Labs ได้เป็นผู้รับผิดชอบ และควบคุมการออกตัวระบบปฏิบัติการ UNIX ดังนั้น UNIX จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ แทนที่จะเป็นเครื่องมือวิจัย AT&T ได้พัฒนา UNIX ออกมาใช้งานภายนอก ภายใต้ชื่อ System III ในปี 1982 และปี 1983 ก็ออก System V และพัฒนามาเรื่อยๆ จนได้รับความนิยมในปัจจุบัน
หลังจากนั้นก็มีผู้พัฒนา UNIX เพิ่มขึ้นมา เช่น University of California at Berkley ได้พัฒนา BSD UNIX (Berkley Software Distribution) ต่อมาหน่วยงานกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ (Defense Advanced Research Projects Agency - DARPA) ได้ให้ทุนกับ Berkley ในการพัฒนา UNIX และเกิด Version 4BSD เพื่อสนับสนุนเครือข่ายของ DARPA ที่ใช้โปรโตคอลในการสื่อสาร คือ TCP/IP Version ล่าสุดของ Berkley คือ 4.4BSD ที่ออกมาในปี ค.ศ. 1993 โดยมีความสามารถสนับสนุน Protocol X.25 หลังจากนั้น Berkley ก็หยุดการพัฒนา UNIX
นอกจาก Berkley ยังมีผู้พัฒนารายอื่น เช่น บริษัทซันไมโครซิสเต็ม ก็ได้พัฒนา SunOS และ Solaris บริษัท DEC ได้พัฒนา Ultrix และเปลี่ยนชื่อเป็น OSF/1 บริษัทไมโครซอฟต์พัฒนา XENIX บริษัทไอบีเอ็มพัฒนา AIX แต่ไม่ว่าจะเป็นค่ายใดก็ตาม ต่างก็ยึดแนวทางของ BSD หรือไม่ก็ Sytem V ทั้งนั้น
ปัจจุบัน UNIX เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน (Registered Trademark) ของหน่วยงานที่ชื่อ The Open Group ซึ่งจะทำการกำหนด และรับรองมาตรฐานของระบบปฏิบัติการ UNIXระบบปฏิบัติการ UNIX มี 2 ลักษณะ คือ
ระบบปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน UNIX เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้มาตรฐานของ The Open Group ในการพัฒนาขึ้นมา เช่น Digital UNIX, SCO UNIX, IBM's OpenEdition MVS
ระบบปฏิบัติการคล้าย UNIX (UNIX Compatible) เป็นระบบปฏิบัติการที่มีลักษณะคล้ายระบบ UNIX แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน รับรองเป็นทางการ เช่น Sun Solaris, IBM AIX, Linux
http:// jatupornus.blogspot.com/2008/09/osunix_06.html - 50k
2.คุณสมบัติของระบบปฏิบัติการunix
•Software Tool
–โปรแกรมบน UNIX จะแบ่งตัวเองออกเป็นส่วนย่อยๆ และสามารถใช้งานส่วนย่อยเหล่านั้นร่วมกัน ระหว่างหลายๆ โปรแกรมได้
•Portability
–เนื่องจาก UNIX สามารถนำไปใช้กับเครื่องแบบต่างๆ ได้มากมาย โปรแกรมที่ใช้งานบน UNIX จะสามารถนำไปใช้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
•Flexibility
–UNIX มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง สามารถนำไปใช้กับงานเล็กๆ หรืองานใหญ่ๆ ก็ได้
•Power
–สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ดี และมีความสามารถในด้านต่างๆ มากกว่าระบบปฏิบัติการอื่นๆ
•Multi-user & multitasking
–สามารถมีผู้ใช้งานได้ทีละหลายๆคน และทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน
•Elegance
–หลักการทำงานของส่วนต่างๆ จะเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ทำงานส่วนหนึ่งได้ ก็จะเรียนรู้และใช้งานส่วนอื่นๆ ได้ง่าย
•Network Orientation
–UNIX เป็นระบบปฏิบัติการที่สนับสนุนการใช้งานเครือข่าย โดยเฉพาะเครือข่าย TCP/IP ซึ่งใช้ในระบบ Internet
http://thdzone.com/เรื่องทั้งหมด/b_Linux_b-52 - 32k
3. โครงสร้างของ Unix
วันนี้ได้อ่านบทความจากงานสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โครงสร้างของระบบปฏิบัติการ Unix นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับด้วยกัน คือ
1.ฮาร์ดแวร์ ทุกคนก็คงรู้จักกันแล้วว่ามันคือ อุปกรณ์ที่สามารถจับต้องได้นั่นเอง
2.ยูนิกซ์ เคอเนล จะทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ได้แก่ การจัดสรรทรัพยากร การจัดการกับข้อมูลต่างๆ ซึ่งส่วนประกอบตัวนี้จะขึ้นอยู่กับฮาร์แวร์ หากมีการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์ เคอเนลก็จะเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ
3.เซลล์ เป็นตัวกลางระหว่างคอมพิวเตอร์และผู้ใช้ คือ นำคำสั่งจากผู้ใช้ไปแปลเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ เรียกว่า command interpreter เซลล์ที่ใช้งานกันก็มีหลายแบบ แต่ที่เป็นที่นิยม ได้แก่
-->Bourne shell (sh) เป็นเซลล์ต้นแบบของทุกเซลล์
-->C shell (csh) พัฒนาหลังจาก Bourne shell แต่สามารถเก็บข้อมูลคำสั่งที่เคยใช้ได้
-->Korn shell (ksh) เป็นเซลล์ที่นำคุณสมบัติเด่นของ Bourne shell และ C shell มารวมกัน
-->Bourne again shell (bash) มีลักษณะคล้าย Korn shell และสร้างขึ้นมาให้มีการใช้ฟรี ซึ่งระบบปฏิบัติการ Linux ก็นำมาใช้ด้วยเช่นกัน
4.โปรแกรมประยุกต์ โปรแกรมที่ใช้งานเพิ่มเติม
http://com.md.kku.ac.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=118
4.Shell unix
Unix Shell & Environment Variables
Shell คือโปรแกรมโปรแกรมหนึ่งบน unix ที่ทำหน้าที่ interface ระหว่าง user กับ unix(kernel) user จะสามารถสั่งงาน unix ได้โดยผ่าน shell เท่านั้นไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ทางตรงก็คือ user สั่งงาน shell ให้ไปสั่งงาน kernel เลย เช่น internal command ส่วนทางอ้อมคือ user สั่งงานให้ shell ไป execute application ให้ไปสั่งงาน kernel อีกทีหนึ่ง โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็น shell มีอยู่หลายตัว แต่ที่นิยมใช้กันอยู่ใน ปัจจุบันมีดังต่อไปนี้
1.Bourne shell (/bin/sh) เป็น shell ในยุคแรกๆ ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย และเป็น starndard shell ที่มีใน unix ทุกตัว ทำให้สามารถย้าย shell script ที่เป็น bourne shell ไปยัง unix ระบบอื่นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรเลย แต่มีข้อเสียคือขาด funciton ในการทำ job control จะมี default prompt เป็น "$"
2.C shell (/bin/csh) เป็น shell ที่พัฒนาขึ้นมาหลังจาก bourne shell โดยมีโครงสร้างของ syntax และ control structures คล้ายกับภาษา C มี function การทำงานหลายอย่างที่ดีและสะดวกกว่า bourne shell เช่น มีความสามารถในการเรียกคำสั่งที่ใช้ไปแล้ว และเป็น shell ตัวแรกที่สามารถทำ jobs control ได้ แต่มีข้อเสียคือ ทำงานกับ shell script ของ bourne shell ไม่ได้ โดยปรกติ default prompt จะเป็น "%"
3.Korn shell (/bin/ksh) เป็น shell ที่พัฒนาขึ้นมาโดยสามารถทำงานใน function ของ bourne shell (super set ของ bourne shell) ได้ทุกอย่างและยังเพิ่มความสามารถในการทำ jobs control ขึ้นมา การ เขียน shell script ทำได้ง่ายและรัดกุมขึ้น สามารถเรียกคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้วมาแก้ไขแล้ว execute ไปใหม่ได้ สรุปว่าเป็น shell ที่รวมเอาข้อดีของ bourne shell และ c shell ไว้ด้วยกัน แต่ไม่ได้มีใน unix ทุกตัว korn shell จะมีขนาดใหญ่กว่า shell อื่น ๆ default prompt จะเป็น "$"
4.Bourne Again shell (/usr/local/bin/bash หรือ /bin/bash) เป็นการนำเอา bourne shell กลับมาพัฒนาใหม่ ให้สามารถทำ command line editing ได้ และทำ jobs control ได้ และยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้พิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง bash shell นี้ไม่ใช่ standard unix shell แต่ปัจจุบันกลายเป็น default shell ของ linux จะมี default prompt เป็น $
http:// tulip.bu.ac.th/~nattakorn.c/shell_env.php - 7k
5.ระบบไฟล์และไดเร็กทอรี UNIX
UNIX มองทุกอย่างเป็นไฟล์หมด แม้แต่หน่วยความจำ (/dev/mem) ซีดีรอม (/dev/cdrom) เม้าส์ (dev/mouse) โมเด็ม (/dev/modem) ระบบไฟล์และไดเรคทอรีบนUNIX มีโครงสร้างแบบต้นไม้ (tree structure) โดยไดเรคทอรีนอกสุด คือ ไดเรคทอรีราก (root directory) ใช้ / เป็นตัวแทนครับ ซึ่งก็จะมีไดเรคทอรีย่อยแตกแขนง ออกไปอีกเช่น/usr /local /lib /etc /binในแต่ละไดเรคทอรีบรรจุไฟล์และไดเรคทอรีย่อยลงไปอีกเช่นใน /usr จะมี local binชื่อไดเรคทอรีแบบนี้จะมีความหมาย ก็ต่อเมื่อ เรารู้ว่าไดเรคทอรีนอกก่อนคืออะไร วิธีเรียกชื่อแบบนี้ถูกเรียกว่า relative pathname แต่ถ้าหากเราใช้ /usr/local หรือ /usr/bin แทน local หรือ bin เราก็จะทราบโครงสร้าง tree structure ที่แท้จริงของไดเรคทอรีนี้ วิธีการเรียกแบบนี้เรียก absolute pathname ไดเรคทอรีที่ผู้ใช้ล็อกอินเข้าไปเรียกว่า home directory ซึ่งก็ขึ้นกับผู้บริหารระบบว่าจะให้ไปอยู่ทีไหน
http://wiki.nectec.or.th/ntl/Main/Unix-doc
มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการวิจัย Bell ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Ken Thompson และ Dennis Ritchie ปี พ.ศ. 2512 โดยมีที่มาคร่าวๆ คือ......สถาบัน MIT (Massascusetts Institute of Technology), ห้องปฏิบัติการวิจัย AT&T Bell Labs และบริษัท GE (General Electric) ร่วมกันพัฒนาโครงการ Multics ในปี 1960 เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับ Mainframe Computer รุ่น GE 635 โดยให้ระบบปฏิบัติการนี้มีความสามารถทำงานแบบโต้ตอบ (Interactive) มีระบบอำนวยความสะดวกต่อการใช้แฟ้มและข้อมูลร่วมกันได้ แต่เกิดปัญหาหลายประการ จนกระทั่ง Bell Labs ได้ลาออกจากโครงการ แต่โครงการก็ยังดำเนินการต่อโดย Ken Thompson และ Dennis Ritchie ซึ่งทำงานกับ Bell Labs พร้อมๆ กันไปด้วย
ต่อมา Ken & Dennis ได้ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ เพื่อทำงานบนเครื่อง PDP-7 และใช้ชื่อว่าระบบปฏิบัติการ UNIX เพื่อให้ออกเสียงใกล้เคียงกับระบบ Multics ดังนั้นต้นกำหนดของ UNIX ก็คือ Multics นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ระบบแฟ้มข้อมูลที่ใช้ แนวคิดของตัวแปรคำสั่ง (Shell) หลังจากนั้นทั้งสองได้พัฒนามาเป็น Version 2 เพื่อทำงานบนเครื่องรุ่น PDP-11/20 โดยใช้ภาษา Assembly และได้พัฒนาปรับปรุงด้วยภาษา C (ภาษา C ก็พัฒนาที่ห้องวิจัย Bell Labs เช่นกัน เพื่อทำงานบนระบบ UNIX) และเผยแพร่ไปสู่มหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วย Version 6 ในปี ค.ศ. 1976
ในปี ค.ศ. 1978 Version 7 ก็ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบ UNIX รุ่นใหม่ๆ หลังจากนั้น AT&T ซึ่งเป็นองค์กรแม่ของ Bell Labs ได้เป็นผู้รับผิดชอบ และควบคุมการออกตัวระบบปฏิบัติการ UNIX ดังนั้น UNIX จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ แทนที่จะเป็นเครื่องมือวิจัย AT&T ได้พัฒนา UNIX ออกมาใช้งานภายนอก ภายใต้ชื่อ System III ในปี 1982 และปี 1983 ก็ออก System V และพัฒนามาเรื่อยๆ จนได้รับความนิยมในปัจจุบัน
หลังจากนั้นก็มีผู้พัฒนา UNIX เพิ่มขึ้นมา เช่น University of California at Berkley ได้พัฒนา BSD UNIX (Berkley Software Distribution) ต่อมาหน่วยงานกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ (Defense Advanced Research Projects Agency - DARPA) ได้ให้ทุนกับ Berkley ในการพัฒนา UNIX และเกิด Version 4BSD เพื่อสนับสนุนเครือข่ายของ DARPA ที่ใช้โปรโตคอลในการสื่อสาร คือ TCP/IP Version ล่าสุดของ Berkley คือ 4.4BSD ที่ออกมาในปี ค.ศ. 1993 โดยมีความสามารถสนับสนุน Protocol X.25 หลังจากนั้น Berkley ก็หยุดการพัฒนา UNIX
นอกจาก Berkley ยังมีผู้พัฒนารายอื่น เช่น บริษัทซันไมโครซิสเต็ม ก็ได้พัฒนา SunOS และ Solaris บริษัท DEC ได้พัฒนา Ultrix และเปลี่ยนชื่อเป็น OSF/1 บริษัทไมโครซอฟต์พัฒนา XENIX บริษัทไอบีเอ็มพัฒนา AIX แต่ไม่ว่าจะเป็นค่ายใดก็ตาม ต่างก็ยึดแนวทางของ BSD หรือไม่ก็ Sytem V ทั้งนั้น
ปัจจุบัน UNIX เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน (Registered Trademark) ของหน่วยงานที่ชื่อ The Open Group ซึ่งจะทำการกำหนด และรับรองมาตรฐานของระบบปฏิบัติการ UNIXระบบปฏิบัติการ UNIX มี 2 ลักษณะ คือ
ระบบปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน UNIX เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้มาตรฐานของ The Open Group ในการพัฒนาขึ้นมา เช่น Digital UNIX, SCO UNIX, IBM's OpenEdition MVS
ระบบปฏิบัติการคล้าย UNIX (UNIX Compatible) เป็นระบบปฏิบัติการที่มีลักษณะคล้ายระบบ UNIX แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน รับรองเป็นทางการ เช่น Sun Solaris, IBM AIX, Linux
http:// jatupornus.blogspot.com/2008/09/osunix_06.html - 50k
2.คุณสมบัติของระบบปฏิบัติการunix
•Software Tool
–โปรแกรมบน UNIX จะแบ่งตัวเองออกเป็นส่วนย่อยๆ และสามารถใช้งานส่วนย่อยเหล่านั้นร่วมกัน ระหว่างหลายๆ โปรแกรมได้
•Portability
–เนื่องจาก UNIX สามารถนำไปใช้กับเครื่องแบบต่างๆ ได้มากมาย โปรแกรมที่ใช้งานบน UNIX จะสามารถนำไปใช้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
•Flexibility
–UNIX มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง สามารถนำไปใช้กับงานเล็กๆ หรืองานใหญ่ๆ ก็ได้
•Power
–สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ดี และมีความสามารถในด้านต่างๆ มากกว่าระบบปฏิบัติการอื่นๆ
•Multi-user & multitasking
–สามารถมีผู้ใช้งานได้ทีละหลายๆคน และทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน
•Elegance
–หลักการทำงานของส่วนต่างๆ จะเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ทำงานส่วนหนึ่งได้ ก็จะเรียนรู้และใช้งานส่วนอื่นๆ ได้ง่าย
•Network Orientation
–UNIX เป็นระบบปฏิบัติการที่สนับสนุนการใช้งานเครือข่าย โดยเฉพาะเครือข่าย TCP/IP ซึ่งใช้ในระบบ Internet
http://thdzone.com/เรื่องทั้งหมด/b_Linux_b-52 - 32k
3. โครงสร้างของ Unix
วันนี้ได้อ่านบทความจากงานสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โครงสร้างของระบบปฏิบัติการ Unix นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับด้วยกัน คือ
1.ฮาร์ดแวร์ ทุกคนก็คงรู้จักกันแล้วว่ามันคือ อุปกรณ์ที่สามารถจับต้องได้นั่นเอง
2.ยูนิกซ์ เคอเนล จะทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ได้แก่ การจัดสรรทรัพยากร การจัดการกับข้อมูลต่างๆ ซึ่งส่วนประกอบตัวนี้จะขึ้นอยู่กับฮาร์แวร์ หากมีการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์ เคอเนลก็จะเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ
3.เซลล์ เป็นตัวกลางระหว่างคอมพิวเตอร์และผู้ใช้ คือ นำคำสั่งจากผู้ใช้ไปแปลเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ เรียกว่า command interpreter เซลล์ที่ใช้งานกันก็มีหลายแบบ แต่ที่เป็นที่นิยม ได้แก่
-->Bourne shell (sh) เป็นเซลล์ต้นแบบของทุกเซลล์
-->C shell (csh) พัฒนาหลังจาก Bourne shell แต่สามารถเก็บข้อมูลคำสั่งที่เคยใช้ได้
-->Korn shell (ksh) เป็นเซลล์ที่นำคุณสมบัติเด่นของ Bourne shell และ C shell มารวมกัน
-->Bourne again shell (bash) มีลักษณะคล้าย Korn shell และสร้างขึ้นมาให้มีการใช้ฟรี ซึ่งระบบปฏิบัติการ Linux ก็นำมาใช้ด้วยเช่นกัน
4.โปรแกรมประยุกต์ โปรแกรมที่ใช้งานเพิ่มเติม
http://com.md.kku.ac.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=118
4.Shell unix
Unix Shell & Environment Variables
Shell คือโปรแกรมโปรแกรมหนึ่งบน unix ที่ทำหน้าที่ interface ระหว่าง user กับ unix(kernel) user จะสามารถสั่งงาน unix ได้โดยผ่าน shell เท่านั้นไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ทางตรงก็คือ user สั่งงาน shell ให้ไปสั่งงาน kernel เลย เช่น internal command ส่วนทางอ้อมคือ user สั่งงานให้ shell ไป execute application ให้ไปสั่งงาน kernel อีกทีหนึ่ง โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็น shell มีอยู่หลายตัว แต่ที่นิยมใช้กันอยู่ใน ปัจจุบันมีดังต่อไปนี้
1.Bourne shell (/bin/sh) เป็น shell ในยุคแรกๆ ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย และเป็น starndard shell ที่มีใน unix ทุกตัว ทำให้สามารถย้าย shell script ที่เป็น bourne shell ไปยัง unix ระบบอื่นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรเลย แต่มีข้อเสียคือขาด funciton ในการทำ job control จะมี default prompt เป็น "$"
2.C shell (/bin/csh) เป็น shell ที่พัฒนาขึ้นมาหลังจาก bourne shell โดยมีโครงสร้างของ syntax และ control structures คล้ายกับภาษา C มี function การทำงานหลายอย่างที่ดีและสะดวกกว่า bourne shell เช่น มีความสามารถในการเรียกคำสั่งที่ใช้ไปแล้ว และเป็น shell ตัวแรกที่สามารถทำ jobs control ได้ แต่มีข้อเสียคือ ทำงานกับ shell script ของ bourne shell ไม่ได้ โดยปรกติ default prompt จะเป็น "%"
3.Korn shell (/bin/ksh) เป็น shell ที่พัฒนาขึ้นมาโดยสามารถทำงานใน function ของ bourne shell (super set ของ bourne shell) ได้ทุกอย่างและยังเพิ่มความสามารถในการทำ jobs control ขึ้นมา การ เขียน shell script ทำได้ง่ายและรัดกุมขึ้น สามารถเรียกคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้วมาแก้ไขแล้ว execute ไปใหม่ได้ สรุปว่าเป็น shell ที่รวมเอาข้อดีของ bourne shell และ c shell ไว้ด้วยกัน แต่ไม่ได้มีใน unix ทุกตัว korn shell จะมีขนาดใหญ่กว่า shell อื่น ๆ default prompt จะเป็น "$"
4.Bourne Again shell (/usr/local/bin/bash หรือ /bin/bash) เป็นการนำเอา bourne shell กลับมาพัฒนาใหม่ ให้สามารถทำ command line editing ได้ และทำ jobs control ได้ และยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้พิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง bash shell นี้ไม่ใช่ standard unix shell แต่ปัจจุบันกลายเป็น default shell ของ linux จะมี default prompt เป็น $
http:// tulip.bu.ac.th/~nattakorn.c/shell_env.php - 7k
5.ระบบไฟล์และไดเร็กทอรี UNIX
UNIX มองทุกอย่างเป็นไฟล์หมด แม้แต่หน่วยความจำ (/dev/mem) ซีดีรอม (/dev/cdrom) เม้าส์ (dev/mouse) โมเด็ม (/dev/modem) ระบบไฟล์และไดเรคทอรีบนUNIX มีโครงสร้างแบบต้นไม้ (tree structure) โดยไดเรคทอรีนอกสุด คือ ไดเรคทอรีราก (root directory) ใช้ / เป็นตัวแทนครับ ซึ่งก็จะมีไดเรคทอรีย่อยแตกแขนง ออกไปอีกเช่น/usr /local /lib /etc /binในแต่ละไดเรคทอรีบรรจุไฟล์และไดเรคทอรีย่อยลงไปอีกเช่นใน /usr จะมี local binชื่อไดเรคทอรีแบบนี้จะมีความหมาย ก็ต่อเมื่อ เรารู้ว่าไดเรคทอรีนอกก่อนคืออะไร วิธีเรียกชื่อแบบนี้ถูกเรียกว่า relative pathname แต่ถ้าหากเราใช้ /usr/local หรือ /usr/bin แทน local หรือ bin เราก็จะทราบโครงสร้าง tree structure ที่แท้จริงของไดเรคทอรีนี้ วิธีการเรียกแบบนี้เรียก absolute pathname ไดเรคทอรีที่ผู้ใช้ล็อกอินเข้าไปเรียกว่า home directory ซึ่งก็ขึ้นกับผู้บริหารระบบว่าจะให้ไปอยู่ทีไหน
http://wiki.nectec.or.th/ntl/Main/Unix-doc
วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ระบบปฏิบัติการและ e-leaning
4121402 ระบบปฏิบัติการ 2 (Operating Systems 2 )
ศึกษาหน้าที่และการดำเนินงานของระบบปฏิบัติการ เกี่ยวกับจัดการหน่วยความจำ หน่วยประมวลผลกลาง การจัดแฟ้มข้อมูล หน่วยรับและแสดงผลข้อมูลในลักษณะของผู้ใช้คนเดียว งานเดียว และใช้หลายคนหลายงานพร้อมกัน รวมทั้งการสื่อสารระหว่างขบวนการ (Interprocess Communication : IPC)
URL Website
1.http://mis.pkru.ac.th/syllabus/view_syllabus.php?id=61 2.http://202.29.21.6/~bangkom/bindex.htm 3.http://academic.pcru.ac.th/index/course/7_12.htm
4.http://cs.mcru.ac.th/modules.php?name=History&file=explain
5. http://cptd.chandra.ac.th/index.php?Content=subject47 6.http://www.nsru.ac.th/computer/curriculum/subject.php?id=4121402&course_id=3
7.http://reg.nida.ac.th/registrar/program_info_1.asp?8.http://www.yonok.ac.th/burin/os/os00.htm
9.http://202.143.169.83/moodle/course/info.php?id=16
10.http://tabian.kpru.ac.th/cur/cur2.asp?Code=4122402
ที่มาจาก
1.มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
2.มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
3.มรภ.หมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี
4.มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
5.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
6.มหาวิทยาลัยโยนก
7.วิทยาลัยสารพัดช่างอุทัยธานี
8.มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
9.มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี
ศึกษาหน้าที่และการดำเนินงานของระบบปฏิบัติการ เกี่ยวกับจัดการหน่วยความจำ หน่วยประมวลผลกลาง การจัดแฟ้มข้อมูล หน่วยรับและแสดงผลข้อมูลในลักษณะของผู้ใช้คนเดียว งานเดียว และใช้หลายคนหลายงานพร้อมกัน รวมทั้งการสื่อสารระหว่างขบวนการ (Interprocess Communication : IPC)
URL Website
1.http://mis.pkru.ac.th/syllabus/view_syllabus.php?id=61 2.http://202.29.21.6/~bangkom/bindex.htm 3.http://academic.pcru.ac.th/index/course/7_12.htm
4.http://cs.mcru.ac.th/modules.php?name=History&file=explain
5. http://cptd.chandra.ac.th/index.php?Content=subject47 6.http://www.nsru.ac.th/computer/curriculum/subject.php?id=4121402&course_id=3
7.http://reg.nida.ac.th/registrar/program_info_1.asp?8.http://www.yonok.ac.th/burin/os/os00.htm
9.http://202.143.169.83/moodle/course/info.php?id=16
10.http://tabian.kpru.ac.th/cur/cur2.asp?Code=4122402
ที่มาจาก
1.มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
2.มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
3.มรภ.หมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี
4.มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
5.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
6.มหาวิทยาลัยโยนก
7.วิทยาลัยสารพัดช่างอุทัยธานี
8.มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
9.มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี
10.สถาบันบัณฑิตบริหารศาสตร์
แนนะนำตัวเอง
ชื่อ นาย จิรวัฒน์ เกษศิริ
รหัสนักศึกษา 5012252102
โปรแกรมวิชา วิทยาการคอมพิวเตอร์ ห้อง 1
ชื่อเล่น โอคับ
tel.080-468-9505
e-mail.yakuzana_123@hotmail.com
URL. http:// jirawat's blogs.com
URL yahoo http://www.geocities.com/dekdeecup
เพื่อนสนิท นายสมปอง ทองเสก
ชื่อเล่น เบิร์ด
tel. 086-248-6905
วิทยาการคอมพิวเตอร์ ห้อง1
นาย ศิราวุฒิ วงละคร
ชื่อเล่น วุฒิ
วิทยาการคอมพิวเตอร์ ห้อง1
รหัสนักศึกษา 5012252113
tel.085-313-0139
รหัสนักศึกษา 5012252102
โปรแกรมวิชา วิทยาการคอมพิวเตอร์ ห้อง 1
ชื่อเล่น โอคับ
tel.080-468-9505
e-mail.yakuzana_123@hotmail.com
URL. http:// jirawat's blogs.com
URL yahoo http://www.geocities.com/dekdeecup
เพื่อนสนิท นายสมปอง ทองเสก
ชื่อเล่น เบิร์ด
tel. 086-248-6905
วิทยาการคอมพิวเตอร์ ห้อง1
นาย ศิราวุฒิ วงละคร
ชื่อเล่น วุฒิ
วิทยาการคอมพิวเตอร์ ห้อง1
รหัสนักศึกษา 5012252113
tel.085-313-0139
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)